1. แรงโน้มถ่วง (Gravity)
ใน ขณะที่ดาวเทียมโคจรอยู่ในระนาบ วงโคจร (Orbital Plane) จะมีแรงดึงดูดจากโลก ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์มากระทำต่อตัวดาวเทียม โดยทิศทางที่ดึงดูดจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการโคจรของโลกดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ที่มีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ดาวเทียมมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ละน้อย
เราจึกต้องมีการรักษา ตำแหน่งดาวเทียมให้อยู่ในขอบเขตการโคจรที่กำหนด ซึ่งมีขนาดความกว้างด้านละ 0.1 องศา เพื่อรักษาขอบเขตพื้นที่การให้บริการของดาวเทียม (Footprint) โดยมีการปรับตำแหน่งเป็นช่วง ๆ ตลอดอายุของดาวเทียม
--------------------------------------------------------------------------------
2. พายุสุริยะ (Solar Flares)
คือ พลังงานอันมหาศาลที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมา ณ บริเวณที่มีความเข้มของสนามแม่เหล็กสูงบนดวงอาทิตย์พลังงานที่เกิดขึ้นนี้ เทียบได้กับระเบิดขนาด 100 ล้านตัน หรือมีค่าเท่ากับการที่ภูเขาไฟระเบิดเ็นจำนวน 10 ล้านครั้ง โดยพลังงานที่ปล่อยออกมานั้นส่วนหนึ่งจะอยู่ในรูปของพลังงานแสงที่เรามอง เห็น เราจึงสามารถสังเกตเห็นแสงที่มีความเข้มสูงบริเวณผิวหน้าของดวงอาทิตย์ในขณะ ที่เกิดพายุสุริยะ
พลังงานอีกส่วนหนึ่งจะอยู่ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น รังสีเอ็กส์, รังสีเอ็กส์, แกมม่า และรังสียูวี ซึ่งจะส่งออกมาพร้อมกับอนุภาคเล็ก ๆ พลังงานเหล่านี้จะลดน้อยลงมากเมื่อเข้ามาใกล้บรรยากาศของโลกซึ่งมีสนามแม่ เหล็กโลกช่วยต้านไว้
แต่อาจมีผลกระทบต่อตัวดาวเทียม คือจะทำให้เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์เสื่อมคุณภาพมีผลให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้น้อย ลง ซึ่งผู้ผลิตดาวเทียมได้ออกแบบชดเชยการลดลงในส่วนนี้ เพื่อให้สามารถผลิตพลังงานมาใช้ได้เพียงพอตลอดอายุดาวเทียม
ผลกระทบอีก ส่วนจะเกิดโดยรังสี UV จากพายุสุริระที่จะทำให้บรรยากาศชั้นบนสุดของโลกมีอุณภูมิสูงขึ้นจนเกิดการ ขยายตัวและผลักให้ตัวดาวเทียมต่ำลง ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการปรับตำแหน่งดาวเทียมกลับคืน
--------------------------------------------------------------------------------
3. ฝนดาวเตก (Leonids)
เกิด จากการที่ดาวหางเทมเบิล-ทัตเทิล (Cornet Temple- Tuttle) ซึ่งเ็นดาวหางคาบสั้นที่มีวงโคจรรอบละ 33 ปี ได้ผ่านเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด เมื่เดือนกุมภาพัฯธ์ 2541 ได้ทิ้งเศษฝุ่นซึ่งเ็็ป็นองค์ประกอบของดาวหางเป็นจำนวนมหาศาลไว้ โดยมีขนาดประมาณ 1 มม. ถึง 1 ซ.ม. ตามทางที่โคจรผ่าน
ทุกปีในช่วงกลาง เดือนพฤษจิกายน โลกจะโคจรตัดกับวงโคจรของดาวหางนี้ ทำให้เกิดฝนดาวตกมากในช่วงดังกล่าว เมื่ออนุภาคดังกล่างเคลื่อนที่เข้าสู่บรรยากาศโลกจะมีการชนกับโมเลกุลมากมาย ทำให้เกิดแสงสีต่าง ๆ จากไอของอะตอมต่างชนิด เช่น โซเดียม ให้แสงสีส้ม-เหลือง อะตอมเหล็กให้แสงสีเหลืองอะตอมแมกนีเซียมให้แสงสีน้ำเงินเขียวเป็นต้น
ส่วน โอกาสที่ดาวเทียมจะได้รับความเสียหายเนื่องจากฝนดาวเตกวิ่งเข้ามาชน จึงต้องมีแต่น้อยมากคือในพื้นที่ 1 ตารางเมตร มีโอกาสที่จะถูกชนเพียง 0.007%
นอกจากนี้ เราสามารถลดโอกาสที่ถูกชนได้อีก อย่างเช่นดาวเทียมไทยคม 5 จะมีการหมุนแผงเซลล์ แสงอาทิตย์เพื่อหลบทิศทางการเคลื่อนที่ของฝนดาวตกเล็กน้อย
--------------------------------------------------------------------------------
4. สุริยคราส (Eclipse)
ขณะ ที่ดาวเทียมอยู่ในวงโคจรอุปกรณ์ต่าง ๆ ในดาวเทียมจะใช้พลังงานที่ผลิตได้จากเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักในการทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาที่มีแสง จากดวงอาทิตย์ โลก แต่จะมีบางช่วงที่ดวงอาทิตย์ โลก และดาวเทียมโคจรมาอยู่ในตำแหน่งที่โลกมาบดบังแสงจากดวงอาทิตย์
ช่วงระยะ เวลาดังกล่าว เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์บนดาวเทียมจะไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ดังนั้นเราจึงต้องมีแบตเตอรี่อยู่บนดาวเทียมที่จะทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้า แทน และชาร์จแบตเตอรี่กลับคืนเมื่อดาวเทียมออกจากช่วงสุริยะคราสเพื่อรองรับการ เกิดสุริยะคราสในวันต่อไป
การเกิดสุริยะคราสนั้นจะเกิดเป็นฤดู โดยฤดูแรกตอนต้นปีจะเริ่มในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ฤดูที่สองจะิเริ่มในช่วง ปลายเดือนสิงหาคม แต่ละฤดูจะมีระยะเวลาประมาณ 45 วัน
ช่วงเวลาในการเกิด สุริยะคราสจะเริ่มจากน้อย ๆ ตอนต้นฤดู และมีระยะเวลานานขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั้งนานที่สุดในช่วงกลางฤดู หลังจากนั้นจะลงลงเรื่อย ๆ จนกระทั้งออกจากฤดูสุริยะคราส โดยจะมีระยะเวลาที่นานที่สุดคือ 72 นาที ดังนั้นในการออกแบบดาวเทียม จึงต้องออกแบบให้มีพลังงานสำรองจากแบตเตอรี่เพียงพอที่จะจ่ายให้ดาวเทียมใน ช่งงการเกิดสุริยะคราสที่ยาวนานที่สุดนี้
--------------------------------------------------------------------------------
5. ซัน เอาท์เทจ (Sun Outage)
คือ ปรากฎการณ์ที่เกิดจากดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันกับดาวเทียม และจานรับสัญญาณภาคพื้นดิน ทำให้เกิดสัญญาณรบกวนที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์ในขณะที่มีการใช้งานสื่อสารผ่าน ดาวเทียม ทำให้คุณภาพของสัญญาณที่ได้รับต่ำลงในช่วงเวลาดังกล่า่ว
ปรากฏการณ์ Sun Outage นี้ จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และสามารถพยากรณ์การเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า จึงไม่ค่อยมีผลกระทบต่อผู้ใช้งานดาวเทียมมากเท่าใด (ตรวจสอบวันเวลาที่เกิด Sun Outage ของไทยคมได้ที่ http://www2.thaicom.net/sed/index.html)
Sun Outage จะเกิดขึ้นปีละ 2 ครั้ง (ช่วงเืดือนมีนาคม และกันยายน) ส่วนวันและเวลาที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดาวเทียม และจานรับสัญญาณภาคพื้นดิน
หน้าที่เข้าชม | 273,362 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 190,338 ครั้ง |
เปิดร้าน | 21 เม.ย. 2555 |
ร้านค้าอัพเดท | 26 ส.ค. 2568 |